เฟสเขียว 2 บรรทัด บางทีอาจไม่มีผิดไม่มีถูกสำหรับเพื่อการเลือกซื้อ เฟสเขียวเป็น เฟสเขียว หรือ เฟสขาว ถ้าหากว่าคุณอยากได้ที่จะใช้ เฟสบุ๊คในการยิงแอดโฆษณาแต่กฎระเบียบก็ค่อนจะที่จะแตกต่างออกไป ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าการทำโฆษณาที่จีรังยั่งยืน และทำการตลาดทาง เฟสบุ๊ค ในระยะยาว และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับบัญชียิงอัดประชาสัมพันธ์ในอนาคตเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด โน่นก็เลยทำให้นักการตลาดหรือสายยิงแอดมืออาชีพเลือกที่จะใช้ “เฟสเขียว” สำหรับการยิงแอดประชาสัมพันธ์ทาง เฟสบุ๊ค มากกว่า โน่นก็เพราะว่า เฟสเขียว เป็นเฟสที่ใช้ยิงแอดโฆษณาที่ “ผ่านการยืนยันตัวตน” เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว หรือเรียกว่าเป็นเฟสที่มีการใช้งานจริงๆ
ส่วนเฟสขาวก็เช่นเดียวกันกับ เฟสบุ๊ค ธรรมดาที่คุณจำต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งมีสถานะที่ยังไม่ได้ติดเหลือง หรือติดสถานะแดง รวมทั้งสามารถใช้ เฟสขาวสำหรับการยิงแอดประชาสัมพันธ์ได้ด้วยเหมือนกัน หากแม้เฟสขาวจะยังไม่มีการยืนยันตัวตน และแม้ว่าติดสถานะแดงขึ้นมา โน่นเป็นลำดับถัดไปที่คุณจำต้องเข้าไปยืนยันตัวตน แล้วก็ควรต้องรอลุ้นว่าจะได้ช่องผ่านไหมผ่านไหม
รวมถึงลองนึกถึงคิดว่าหากแม้คุณใช้เฟสขาวสำหรับการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์เพื่อใช้ยิงแอดโปรโมท บางครั้งอาจจะเสียเวล่ำเวลา เพราะเฟสขาวไม่ได้รับการยืนยันตัวตนเหมือนกับเฟสเขียว และไม่มีปัญหาสำหรับการเรื่องถูกปิดบัญชี
เฟสเขียว VS เฟสขาว เป็นอย่างไร เฟสเขียว 2 บรรทัด
เฟสเขียว VS เฟสขาว 2 คำ 2 สี ที่ผู้คนจำนวนมาก ในแวดวงยิงแอด หรือ รับลงประชาสัมพันธ์เฟสบุ๊ค ชอบได้ยินกันเป็นประจำแต่ว่าบางบุคคลบางครั้งอาจจะยังไม่รู้เรื่องว่าแบบไหนล่ะ จะดีมากยิ่งกว่ากัน เมื่อก่อนอื่นพวกเรามาทำความเข้าใจ ความหมายของ 2 คำนี้ก่อนว่า มีที่มาเป็นเยี่ยงไร ไม่เหมือนกันยังไง แล้วก็ เฟสเขียว 2 บรรทัด กับ เฟสเขียว 3 บรรทัด ที่จำต้องทำความเข้าใจ ขายเฟสเขียว
1. เฟสขาว เป็นอย่างไร?
เฟสขาว เป็นบัญชีเฟสที่ธรรมดา ปกติที่บัญชี Facebook มีคุณภาพบัญชีโปรโมทยังไม่ติดเหลือง และไม่ติดแดงสำหรับการยิงแอด เฟสขาว ก็สามารถใช้ยิงแอดได้ แม้กระนั้นยังไม่มีการรับรองตัวตน เพียงแค่นั้น เมื่อติดแดงแล้วหลังจากนั้นก็จะต้องการันตีตัวตน ได้โอกาสจะ ผ่าน และไม่ผ่าน เฟสขาว
2. เฟสเขียว เป็นยังไง ?
เฟสเขียว มีชื่อเสียงกันแล้วก็เรียกกันของฝูงชนยิงแอด หรือผู้ที่รับยิงแอดมือโปร ว่าเป็นบัญชี Facebook ที่เปรียบเหมือนเฟสบุ๊คที่มีคนรับใช้งานจริงๆแล้วก็เฟสเขียวก็คือ บัญชีเฟสบุ๊คที่ผ่านการ “การันตีตัวตนแล้ว” จนได้สถานะ สิทธิ์การเข้าถึงโปรโมทคืนมาแล้ว ตามรูป
เฟส 902, 902 facebook เฟสที่แข็งแรงกว่าเฟสเขียวเป็นอย่างไร ?
เฟส 902 เป็นเฟสที่มีบัญชีประชาสัมพันธ์เป็นบัญชีพิเศษ ที่เกิดขึ้นจากวิธีสำหรับเพื่อการสร้างบัญชีแบบพิเศษ ก่อให้เกิดเป็นบัญชีที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว 902 ชอบโดนเอามาเพื่อเป็นผู้ดูแลบัญชีต่างๆเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เนื่องจากว่า 902 เป็นบัญชีที่ผ่านการรับรองบัตรมาแล้ว 2 ครั้ง ก็เลยทำให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
จำพวกของ Facebook 902
เฟส 902 มี 2 จำพวก เป็น
902 Live adsหมายถึงบัญชี 902 ที่ยังสามารถยิงแอดได้ด้วย ซึ่งแนวทางดูก็คือ เข้าไปที่หน้าตัวจารการโฆษณา ถ้าเกิดเป็นเฟสเขียว 3 บรรทัดและก็ยังสามารถยิงแอดได้ นับว่าโน่นเป็น 902 Live ads
Die adsหมายถึงบัญชี 902 ที่ไม่สามารถที่จะยิงแอดได้ ซึ่งกรรมวิธีการเช็คก็คือ เข้าไปที่หน้าตัวจัดแจงประชาสัมพันธ์ จะพบเฟสเขียว 3 บรรทัด แต่ว่าไม่อาจจะยิงแอดได้แล้ว ซึ่งบัญชีจำพวกนี้ จะเอาไว้ใช้สำหรับเชื่อมบัญชีเพื่อดูแลเฟสเขียวอื่นๆโดยไม่เน้นย้ำยิงแอด
ความรู้ความเข้าใจของ Facebook 902
โดยส่วนมากแล้ว คนธรรมดาทั่วไปไม่ชี้แนะเอาเฟส 902 ไปยิงแอด แม้กระนั้นจะใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและก็เอาไว้คุมบัญชีอื่นๆซึ่ง 902 มีความรู้ความสามารถดังต่อไปนี้
เอาไว้เชื่อมบัญชีอื่นๆเพื่อความแข็งแรงได้ไม่จำกัด หรือแรกว่าเป็นเขียวเอาไว้เชื่อมบัญชี (บัญชีเขียวธรรมดา ก็สามารถเอามาเก็บเชื่อมบัญชีขาวได้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าความแข็งแรงไม่เท่าเขียว 902)
เอาไว้ขจัดปัญหาการโดนแบนต่างๆโดยการยื่นด้วย 902
ไขปัญหาผูกบัตร ไม่เป็นผลสำเร็จ
ขั้นตอนการทำ Facebook 902
เฟส902 เป็นเฟสเขียวที่ได้จากการรับรองด้วย 273
แต่ว่าไม่ใช่ทุกเฟสที่การันตีด้วย 273 แล้วจะเป็น 902 เพราะว่ามันเป็นจะต้องเป็นบัญชี 902 มาแล้วตั้งแต่ทีแรก รวมทั้งใช้ 273 เข้าไปการันตีด้วยอีกรอบ
รวมทั้งขั้นตอนการทำบัญชีชนิด 902 นั้น มีแนวทางการทำที่แปรไปเรื่อยตามการเปลี่ยนแปลงของเฟส แนวทางก็เลยไม่แน่นอน
รวมทั้ง 902 มิได้เป็นบัญชีพิเศษที่แก้ได้ทุกๆเคสกรณี 100% เพียงแค่เป็นเฟสซึ่งสามารถเอามาประกอบกิจการใช้งานกับบัญชีหลักได้ คนใดที่ต้องการเรียนรวมทั้งทดลองใช้ก็ทดลองเล่าเรียนกันให้ดีนะครับผม
วิธีการวิธีการทำ On-page SEO
On-page SEOหมายถึงกระบวนการปรับแก้ด้านในเว็บในส่วนของรายละเอียดในหน้าเว็บไซต์แล้ว เฟสเขียว 2 บรรทัด ก็องค์ประกอบของเว็บทั้งยังในส่วน Coding รวมทั้งการออกแบบส่วนต่างๆ
ทำ Keyword Research เพื่อกำหนดแผนการทำ SEO
- ควรที่จะเลือก Keyword ที่อยากทำ SEO ให้สอดคล้องกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ บริการ หรือบทความต่างๆที่เกี่ยวโยง
- ควรที่จะทำการเลือก Keyword ที่มี Search Volume หรือปริมาณผลของการค้นหา เพื่อมองว่ามีผู้ใช้ค้นหามากมายน้อยแค่ไหน
※สามารถมองจากจำนวนการค้นหาแล้วก็หาไอเดียเสริมเติมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆตัวอย่างเช่น Google Keyword Planner, KWFinder, Uber Suggest, Ahrefs
- ควรจะแบ่งประเภท Keyword อย่างมีระบบตามชนิดผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมทั้ง Search Intent (จุดมุ่งหมายการค้นหาของผู้ใช้งาน) เพื่อการจัดทำรายละเอียดได้ตอบปัญหา User (ผู้ใช้งาน)
แบบอย่าง:
Informational Keywordเป็นคำที่ใช้ค้นหาข้อมูล หรือค้นหาคำตอบ บางโอกาสบางทีอาจเป็นปัญหาก็ได้
- ดังเช่น ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, แนวทางไปประเทศญี่ปุ่น, ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่แห่งไหนดี
Navigational Keywordหมายถึงคำที่ใช้ค้นหาเพื่อนำทางไปยังหน้าเว็บรวมทั้งสถานที่ โดยผู้ค้นหามักมีชื่อที่รู้จักอยู่ในใจแล้ว
- ดังเช่นว่า บริษัททัวร์ AAA, เช็คอินออนไลน์ การบินไทย, เคาน์เตอร์การบินไทย สุวรรณภูมิ
Commercial Keywordเป็นคำที่ใช้ค้นหาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจหรือตรวจทานก่อนที่จะมีการซื้อหรือใช้บริการ
- แบบอย่าง: ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น บริษัทไหนดี, รีวิวทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, เทียบทัวร์ประเทศญี่ปุ่น
Transactional Keywordหมายถึงคำที่ใช้ค้นหาเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงแนวทางการทำธุรกรรมอื่นๆ
- แบบอย่าง: จองทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, ราคาทัวร์ประเทศญี่ปุ่น
- ควรจะระบุ Keyword หลักรวมทั้งรองในแต่ละพวก เพื่อสามารถทำรายละเอียดในแต่ละหน้าได้ครอบคลุมเยอะที่สุด
Focus Keyword เป็นคำหลักสำหรับในการทำ SEO มักเป็น Broad Keyword ซึ่งเป็นคำสั้นๆความหมายกว้างๆมี Search Volume จำนวนหลายชิ้นที่สุด ดังเช่นว่า ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น
Related Keyword เป็นคำรองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน มักเป็น Niche keyword หรือ Longtail Keyword ซึ่งเป็นคำที่มีความระบุเยอะขึ้นเรื่อยๆ มี Search Volume รองลงมา ได้แก่ แพคเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, ทัวร์ไปประเทศญี่ปุ่น, ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น ราคาไม่แพง, ราคา ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น ดูหนังฝรั่งพากย์ไทย
วางแบบองค์ประกอบเว็บแล้วก็รายละเอียด
ควรจะทำ Sitemap (แผนผังเว็บ) เพื่อช่วยสำหรับการคิดแผนทำหน้าเว็บต่างๆแล้วก็มองการเชื่อมต่อของแต่ละหน้า
※ควรจะแบ่งรายละเอียดตามพวก Keyword ที่กำหนดไว้ในแนวทางการทำ Keyword Research
- ควรจะแบ่งหน้าเว็บให้เป็นระบบเป็นลำดับชั้น เพื่อช่วยเสริมคุณภาพวิธีการทำ SEO รวมทั้งช่วยดันชั้น Keyword ได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น
แบบอย่าง:
หน้าพวกหลัก → ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น
หน้าหมวดรอง → ทัวร์เมืองโตเกียว, ทัวร์โอซาก้า, ทัวร์ฮอกไกโด
- ควรจะทำรายละเอียดในแต่ละหน้าให้เหมาะสมกับ Search Intent โดยมองได้จากรายละเอียดของเว็บที่ติดในหน้าแรกใน Keyword ต่างๆ
แบบอย่าง:
Informational Keyword ยกตัวอย่างเช่น
- ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → ควรจะสร้างหน้าบริการทัวร์ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเก็บรวบรวมแพคเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ทั้งปวง
Navigational Keyword ตัวอย่างเช่น
- เช็คอินออนไลน์ การบินไทย → ควรจะสร้างสร้างบทความในบล็อก เพื่อเสนอแนะวิถีทางและก็กรรมวิธีการเช็คอิน
Commercial Keyword อย่างเช่น
- ทัวร์ประเทศญี่ปุ่น บริษัทไหนดี, เทียบทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → ควรจะสร้างบทความในบล็อก เพื่อชี้แนะบริษัททัวร์
Transactional Keyword อย่างเช่น
- จองทัวร์ประเทศญี่ปุ่น, ราคาทัวร์ประเทศญี่ปุ่น → สามารถใช้หน้าบริการทัวร์ประเทศญี่ปุ่น โดยมีปุ่มให้จองแล้วก็มีการแสดงราคาของแต่ละแพ็คเกจ
ใส่ Keyword ในเว็บให้มีคุณภาพ
- ควรจะระบุ Focus Keyword ให้แต่ละหน้าเว็บไซต์ไม่ให้ซ้ำไปซ้ำมากัน เพื่อหน้าเว็บไซต์ที่ปรารถนาติดอันดับที่ดีเยี่ยมที่สุด
- ควรจะใส่ Keyword อย่างพอเหมาะพอควรในส่วนที่มีความหมายต่างๆข้างในแต่ละหน้าของเว็บ ดังเช่น
- Title Tag, Meta Description ซึ่งจะแสดงชื่อหัวข้อแล้วก็คำพรรณนาบนหน้าผลของการค้นหา
- H1 tag ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของหน้าเว็บนั้นๆรวมทั้ง H2 tag ซึ่งเป็นหัวข้อรองลงมา
- Plain Text ซึ่งเป็นรายละเอียดธรรมดาบนหน้าเว็บ
- Alt Text (Alt Tag) ซึ่งเป็นคำชี้แจงรูปภาพ
- Anchor Text (A Tag) ซึ่งเป็นลิงค์แบบเนื้อความ
- ควรจะเลี่ยงการใช้ Keyword บ่อยๆกันจำนวนมากเพื่อไม่ให้เป็น Keyword Spam หรือ Keyword Stuffing ทั้งยังยังไม่ยุติธรรมชาติเวลา User (ผู้ใช้งาน) มาอ่านรายละเอียด
สร้างรวมทั้งเพิ่มเติมอีกรายละเอียดที่มีคุณภาพที่จะตอบสนอง User
- ควรจะสร้างรายละเอียดที่เกี่ยวเพื่อส่งเสริมวิธีการทำ SEO ในหน้าเว็บที่ต้องการที่จะให้ติดอันดับ ตลอดจนหน้าเว็บอื่นๆที่มีรายละเอียดช่วยเหลือหรือเกี่ยวข้องกัน พร้อมทำลิงค์เชื่อมโยงเพื่ออ่านต่อ
- ควรจะเขียนรายละเอียดที่ให้ข้อมูลที่เจาะลึกและก็เป็นประโยชน์ เพื่อเป็นรายละเอียดที่มีคุณภาพสูงที่สุดในสายตาของ User รวมทั้ง Search Engine
- ควรจะเขียนรายละเอียดที่ตรงตามความจำเป็นของ User หรือที่เรียกว่า Search Intent เพื่อตอบปัญหาคนที่อยากค้นหาด้วย Keyword ต่างๆ
- ควรจะเขียนรายละเอียดหรือเรียบเรียงข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ก๊อปปี้มาจากที่อื่นๆ และไม่ใช้อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับการสร้างบทความ หรือที่เรียกว่าการรีไรท์บทความ
- ควรจะแบ่งหัวข้อรายละเอียดเป็นหัวข้อสำคัญรวมทั้งหัวข้อย่อย เพื่อ User อ่านเข้าใจง่าย และก็ใช้ H2 tag – H6 tag ดูแลเป็นลำดับชั้นเพื่อ Search Engine รู้เรื่ององค์ประกอบรายละเอียด
- ควรจะสร้างหน้าเว็บใหม่ๆเพื่อเพิ่มหน้าในเว็บ อย่างเช่น บล็อก สาระวิชาความรู้ โดยรายละเอียดจะต้องมีความเกี่ยวพันกับธีมใจความหลักของเว็บ รวมทั้งมีความยาวราว 500 คำขึ้นไป
สร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับเพื่อการใช้งานให้กับ User
ควรจะทำหน้าเว็บให้รองรับกับเครื่องใช้ไม้สอยโทรศัพท์มือถือ (Mobile-friendly) ซึ่งตอนนี้ยอดผู้เข้าชมโดยมากราว 80% มาจากวิถีทางนี้ แล้วก็ Google ได้ใช้เนื้อหาบน Mobile สำหรับเพื่อการจัดลำดับเว็บ
※แบบที่ชี้แนะเป็น Responsive Web Design
- พัฒนาเว็บไซต์โดยคิดถึงหลัก UX/UI Design โดยการทำให้ใช้งานง่าย แล้วก็มีความงาม จนถึง User ชื่นชอบรวมทั้งต้องการกลับมาใช้งานอีก
- ควรจะจัดตั้ง SSL Certificate เพื่อทำ HTTPS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับการใช้งานเว็บให้กับ User
- ควรที่จะเลือกใช้บริการ Hosting ที่มีคุณภาพ เพื่อเว็บมีความสเถียร ไม่ล่มง่าย รองรับการใช้แรงงานเมื่อมีผู้เข้าใช้จำนวนไม่ใช่น้อย แล้วก็ทำให้เว็บโหลดได้เร็ว
- ควรจะแทรกรูปภาพหรือวิดีโอระหว่างบทความ เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับรายละเอียด ล่อใจให้ User อ่านต่อรวมทั้งอยู่บนหน้าเว็บนานๆ
- ควรจะมี Call to Action อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นว่า สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ติดต่อมาและสอบถาม เพื่อพูดว่า User ควรจะทำอะไรต่อ แล้วก็ไปเยี่ยมดูหน้าอื่นๆต่อ
- ควรจะทำหน้าเว็บให้โหลดได้เร็วเพื่อไม่ให้ User จำต้องรอนาน เป็นต้นว่า ใช้ระบบ Cache, ลดขนาดรูปภาพแล้วก็ไฟล์, แปลงไฟล์รูปภาพเป็น WebP, ทำ Lazy Loading ให้โหลดรูปเมื่อเลื่อนมาถึง
- เลี่ยงการใช้โปรโมทที่ก่อกวนการใช้แรงงานของ User (Intrusive Interstitial) อย่างเช่น Popup ที่กระดอนขึ้นเต็มหน้าจอ จนกระทั่งบังรายละเอียดในเว็บไปเกือบจะหมด
อัพเดตเว็บอย่างสม่ำเสมอ
- ควรจะแก้ไข หรือเพิ่มเติมอีกใจความในหน้าเว็บที่อยากให้ติดอันดับ เพื่อรายละเอียดมีการอัพเดตอยู่เสมอ
- ควรจะเพิ่มข้อมูลใหม่ๆในเว็บ ดังเช่น ผลิตภัณฑ์มาใหม่ ข้อมูล โปรโมชั่น ผลงานปัจจุบัน เพื่อเว็บมีความสดใหม่อยู่เป็นประจำ
